รวมเทคนิคการเขียน คอนเทนต์ขายของ ทำไงให้ยอดปัง
รวมเทคนิคการเขียน คอนเทนต์ขายของ ทำไงให้ยอดปัง
ปัจจุบันคอนเทนต์ หรือ เนื้อหา มีบทบาทอย่างมากในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะคอนเทนต์จะเป็นตัวสื่อสารระหว่างผู้ส่งสาร และผู้รับสาร โดยในแต่ละคอนเทนต์ก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันตามประเภทของของเทนต์ เช่น คอนเทนต์ขายของ คอนเทนต์ให้ความรู้ คอนเทนต์ให้ความบันเทิง เพราะฉะนั้น Content Creator ควรศึกษาทำความเข้าใจให้ดี มารู้จักกับ ประเภทคอนเทนต์กัน
ส่วนใหญ่คอนเทนต์ที่เราได้เห็นบ่อยๆ บนโลกออนไลน์มี 3 แบบด้วยกัน แต่ละแบบก็จะให้ผลที่ต่างกัน มีดังนี้
คอนเทนต์ขายของ คอนเทนต์แบบนี้จะเน้นการขายโดยเฉพาะ อาจจะเน้นสร้างรายได้ระยะสั้นๆ หรือ การสร้างรายได้ในระยะยาว
คอนเทนต์ให้ความรู้ ส่วนใหญ่คอนเทนต์แบบนี้จะมีจุดประสงค์การขายเล็กๆ ซ่อนอยู่ผ่านการให้ความรู้ ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีผลทำให้การขายของง่ายขึ้น
การคอนเทนต์ให้ความบันเทิง เน้นทำให้น่าสนใจ น่าติดตาม เพื่อหวังเพิ่มengagement จากคนดู เพื่อให้ผู้ชมดูคอนเทนต์ได้นานขึ้น ทำให้เกิด Like หรือมีการแชร์มาก มีการเข้ามาดูคอนเทนต์บ่อย หรือซ้ำๆ กัน
เทคนิคการเขียน 👝 คอนเทนต์ขายของ
1. รวบรวมข้อมูล และ ไอเดีย ก่อนเขียน
ถือเป็นอย่างแรกๆ ของการเริ่มเขียนคอนเทนต์ การรวบรวมข้อมูลจากหลายๆ แหล่งจะทำให้เราได้ไอเดียในการเขียนมากขึ้น หรือเป็นเนื้อหาที่ลูกค้าสนใจ ปัญหาของลูกค้า เรื่องที่ลูกค้าน่าจะสงสัย หลังจากนั้นให้ลิสต์แต่ละเรื่องไว้ รับรองไอเดียมาแน่ ดีกว่าเขียนไปทื่อๆ ไม่มีข้อมูลซัพพอร์ต
2.วางแผนทำคอนเทนต์
ควรมีการวางแผนว่าจะเขียนคอนเท้นต์ด้วยรูปแบบและลักษณะของคอนเท้นต์ วางพล็อตเพื่อจะเขียนได้ตรงประเด็นตามที่วางไว้ อย่า Hard Sell มากจนเกินไปและเลือกใช้รูปแบบการเล่าเรื่องตรงตามกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจเรา เช่น วัยรุ่นต้องเล่าเรื่องราวต้องสนุกสนาน กระชับได้ใจความ ส่วนกลุ่มวัยกลางคน ต้องเล่าเรื่องให้มีความรู้สึกน่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้นจึงต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายจริงๆ ก่อน และควรถ่ายทอดเรื่องจริงของสินค้าของเราโดยที่ไม่อวยจนเกินไป ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า หากข้อมูลที่สื่อสารออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริงย่อมส่งผลกระทบต่อแบรนด์แน่นอน
3. การพาดหัว
ควรมีชื่อ และหัวข้อที่ดี โดยคุณอาจจะนำ คีย์เวิร์ด ที่จะทำคอนเทนต์ไป Research ข้อมูล หรือ Search Google ว่าต้องตั้งหัวข้อแบบไหน ส่วนใหญ่ตั้งหัวข้อแบบไหนกัน ตัวอย่างรูปแบบการพาดหัวที่น่าดึงดูด
“X”วิธีในการทำ_____โดยไม่ต้อง_____
“X”ทริคในการ____
ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรื่อง_____ที่ฉันจะไม่มีทางทำอีก
วิธีทำให้แน่ใจว่า_____ของคุณไม่_____
“X”วิธีแปลกๆในการ_____แต่ได้ผล
“X”_____ที่จะทำให้คุณ_____
วิธี Hack _____
“X”สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อ_____
“X”นิสัยของ_____ที่_____
“X”วิธีแปลกใหม่ในการ_____
สูตรสำเร็จในตำนานในการ_____
“X”เทคนิคช่วยให้คุณหยุด_____เพื่อสิ่งที่ดี.
4.การวางเนื้อหา
ควรเขียน หรือวางตำแหน่งที่น่าสนใจของเนื้อหาไว้ส่วนบนของบทความ เพราะพฤติกรรมผู้อ่านส่วนใหญ่นั้นมักจะกวาดสายตา หรืออ่านแค่บรรทัดแรกๆ หากบรรทัดแรกๆไม่น่าสนใจก็อาจจะเปลี่ยนเว็บไซต์ไปเลยก็ได้
5.การใช้สัญลักษณ์ หรือ Emoji
เพื่อให้ผู้อ่าน ต้องการอ่านและสรุปข้อมูลอย่างรวดเร็ว ตัวสัญลักษณ์และตัวเลขต่าง ๆ ที่เราใช้สำหรับการแบ่งหัวข้อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านให้สามารถอ่านเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
6.การใช้ภาพ
การนำภาพมาประกอบเนื้อหา เพื่อไม่ให้คอนเทนต์มีแต่ตัวอักษรมากจนเกินไป ทำให้เนื้อหามีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เช่นภาพ ก่อน และหลังใช้งานผลิตภัณฑ์ , ภาพที่ใช้เป็นแรงบันดาลใจ , อินโฟกราฟิก ฯลฯ หากแบรนด์สินค้าของคุณขายสินค้าเกี่ยวกับชุดออกกำลังกาย รูปภาพที่ควรโพสต์ ควรเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬา หรือภาพที่แสดงช่วงเวลาอันน่าจดจำ
7. เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยข้อมูลเชิงวิชาการ
หรือสถิติให้คุณหยิบข้อมูลเชิงวิชาการและสถิติมาใช้ประกอบข้อมูลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคอนเทนต์แนวมากยิ่งขึ้น ต้องละเอียดในการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล ที่สามารถเชื่อถือได้ หากข้อมูลผิดพลาดจะเป็นคอนเทนต์ที่สร้างความเสียหายให้กับแบรนด์ได้เลยทีเดียว
8. วาง Call to Action
Call to Action (CTA) หรือปุ่มกระตุ้นความรู้สึก ซึ่งสามารถทำออกมาในรูปแบบของปุ่ม ป้าย หรือการทำกราฟฟิกแบบใดแบบหนึ่ง ที่จะไปปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ การสร้างคำ หรือปุ่มที่ กระตุ้น ที่ทำให้สนใจอยากที่จะคลิ๊กอาจจะไปหน้าที่สำหรับขายโดยเฉพาะ สมัครสมาชิก หรือ หน้าลงทะเบียน นำผู้ชมมายังเว็บไซต์ โดยองค์ประกอบ Call
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ธุรกิจต้องเข้าใจก็คือ การสร้าง คอนเทนต์ขายของ แค่เพียงบทความเดียว ภาพเดียว วิดีโอ เดียวนั้น มีโอกาสน้อยมากที่จะขายได้ในบทความเดียว หรือแม้แต่มีทราฟฟิก หรือการเข้าถึงแบบมหาศาล แต่อาจจะอาศัยที่เรามีแผนการสร้างคอนเทต์อย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง โอกาสที่คนจะติดตามเราเยอะขึ้นเรื่อยๆ และแปลงเป็นยอดขายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
และสิ่งที่ลืมไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือ การเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า หรือผู้บริโภคซึ่งการที่เราไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้เหล่านี้ เราก็จะไม่รู้ว่าลูกค้าของเราชอบเสพคอนเทนต์แนวไหน ซึ่งก็จะทำให้เราไม่สามารถทำ คอนเทนต์ที่คนเหล่านี้ชอบได้
ปัญหาอีกอย่างที่ส่วนมากของนักสร้าง คอนเทนต์มือใหม่ ในโลกออนไลน์ก็คือ ไม่เข้าใจว่าแต่ละช่องทางออนไลน์ทำงานยังไง พูดง่ายๆก็คือไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ใน YouTube Facebook และ Google นั่นเอง ทำให้ Content ที่ทำออกมาไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
Comments
Post a Comment